“กองทัพบก” สั่งสอบสวนโรคกับทหารที่กลับจากสหรัฐอย่างละเอียดทั้งหมด แจงไม่สามารถยกเลิกการฝึกได้ เพราะเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างกองทัพ
พล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กองทัพบก (ศบค.ทบ.) กล่าวภายหลังจากที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.) แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 10 ราย โดยทหารติดโควิด 6 ราย เป็นทหารไทยที่กลับจากการฝึกในสหรัฐอเมริกา ว่า ไม่มีปอดอักเสบ อาการไม่หนัก ไม่ได้ออกนอกค่าย
ทั้งนี้ จากการสอบสวนโรค คาดว่าน่าจะเกิดจากการฝึกในพื้นที่บางแห่งที่ไม่ปลอดเชื้อ โดยมี 4 นายแยกไปฝึกในสถานที่เสี่ยง ทำให้เพื่อนอีก 2 นายที่ใกล้ชิดติดไปด้วย แต่ก็ไม่วางใจ และจะสอบสวนโรคอย่างละเอียดกับกำลังพลทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม สำหรับทหาร 5 รายที่เหลือ ที่เข้าตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จะส่งไปกักตัวยังพื้นที่กักกันโรค State Quarantine ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน พัทยา จังหวัดชลบุรี โดยในวันพรุ่งนี้ (25 ก.ค.) จะตรวจสวอปทหารทั้งหมด ที่กลับจากสหรัฐฯ อีกครั้ง และเมื่อครบการกักตัว 14 วันแล้ว จะสวอปอีกครั้งในวันที่ 3 สิงหาคมนี้
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ณฐพนธ์ ได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้รับทราบแล้ว ซึ่ง ผบ.ทบ.ได้แสดงความห่วงใย พร้อมทั้งให้สอบสวนที่มาของการติดเชื้อว่า เกิดจากจุดใด ที่สำคัญคือให้รักษากำลังพลที่ติดเชื้อให้หายขาด
“เรามั่นใจระบบการรักษาของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เนื่องจากรักษาผู้ติดเชื้อหายมาหลายรายแล้ว แต่จากนี้ถือเป็นบทเรียนของการส่งทหารไปฝึก ที่แม้จะป้องกันจากต้นทางอย่างดีแล้ว และระหว่างการฝึกปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรคแล้ว แต่ยังมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทำให้ต้องเพิ่มมาตรการ 3 อย่าง คือ การสอบสวนโรค การรักษา และการควบคุมโรคในพื้นที่กักกันโรคให้เข้มข้นมากขึ้น” พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าว
พล.อ.ณฐพนธ์ ยืนยันว่า ไม่สามารถยกเลิกการส่งทหารไปฝึกในต่างประเทศได้ เพราะเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างกองทัพบกไทย-สหรัฐ
ส่วนการเคลื่อนย้ายกำลังพล ไปยังพื้นที่กักกันโรค State Quarantine ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน พัทยา จังหวัดชลบุรี นั้น ภายในรถโดยสารมีการจัดทำกระจกกั้นแยกระหว่างห้องพลขับและห้องผู้โดยสาร โดยจัดเตรียมวิทยุไว้สำหรับการติดต่อสื่อสาร การจัดเตรียมอุปกรณ์ฆ่าเชื้อประจำรถทุกคัน การจัดที่นั่งมีการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ไม่มีการแวะพักระหว่างการเดินทาง การจัดรถพยาบาลพร้อมชุดแพทย์จากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าติดตามตลอดการเดินทาง
ในส่วนของยุทโธปกรณ์ที่นำไปทำการฝึกนั้น ได้แยกไปดำเนินการฉีดฆ่าเชื้อโดยเจ้าหน้าที่ของกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายไปยังค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจะมีการฉีดฆ่าเชื้อซ้ำอีกครั้ง แล้วจึงนำไปเก็บเข้าไว้ในคลังยุทโธปกรณ์ของหน่วยต่อไป
สำหรับการปฏิบัติ ณ พื้นที่กักกันโรค State Quarantine โรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน พัทยา โดยความรับผิดชอบของมณฑลทหารบกที่ 14 มีการปฏิบัติ ดังนี้
จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ทหารเพิ่มเติมจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ และโรงพยาบาลค่ายนวมินทราชินี จังหวัดชลบุรี ในการสนับสนุนงานด้านรักษาความปลอดภัย และการรักษาพยาบาล ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ ศบค.ประจำ State Quarantine
กำลังพลจะได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมโรค จำนวน 2 ครั้ง ในวันที่ 25 กรกฎาคม และ 3 สิงหาคม 2563 มีการวัดไข้และรายงานทุกวัน และมีนักจิตเวช นักจิตวิทยา คอยให้คำปรึกษาตลอดเวลา
ที่สำคัญคือ กำลังพลทุกนายจะต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติอย่างเคร่งครัด กล่าวคือ ไม่อนุญาตให้ออกนอกห้องพัก มีกล้อง CCTV เฝ้าตรวจตลอด 24 ชั่วโมง งดการเยี่ยมญาติ โดยได้ดำเนินการแบ่งการจัดกำลังพลออกเป็นหมวด หมู่ อย่างชัดเจน เพื่อให้การควบคุมบังคับบัญชาในห้วงของการกักกันตัวเป็นไปอย่างเข้มงวด และไม่ให้มีการฝ่าฝืนระเบียบปฏิบัติดังกล่าวโดยเด็ดขาด
จากนั้นเมื่อครบกำหนดการกักตัวในวันที่ 6 สิงหาคม 2563 กำลังพลทุกนายจะได้รับหนังสือรับรอง และกองทัพบกจะจัดรถโดยสารนำกำลังพลส่งกลับภูมิลำเนาต่อไป
“ยืนยันว่ากองทัพบกให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ของ ศบค. และกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และเพิ่มเติมมาตรการเข้มข้นหลายประการ เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อสาธารณชนโดยทั่วไป” พล.อ.ณฐพนธ์ ระบุ